ธรรมชาติของเห็ดนางรม
เห็ดนางรมในธรรมชาติจะเจริญบนไม้ที่มีชีวิต
และเมื่อต้นไม้ตายเห็ดนางรมก็สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีก
เห็ดนางรมจะเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตได้ดี ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดเล็กน้อย
หรือมี pH 6.5-6.8 ฉะนั้น ในการผสมขี้เลื่อยหรือวัสดุที่ใช้ เพาะจึงไม่จำเป็นต้องใส่ปูนขาวลงไป
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ของเส้นใยเห็ดนางรมประมาณ 30-32
องศาเซลเซียส และอุณหภูมิที่เหมาะต่อการออกดอกของเห็ดประมาณ 25 องศาเซลเซียส
ส่วนประกอบของเห็ดนางรม
หมวกดอกมีลักษณะคล้ายหอยนางรม
หมวกดอกมีลักษณะแบนราบไม่เหมือนเห็ดฟาง กลางหมวกดอกมีลักษณะเป็นแอ่ง
หมวกดอกอาจมีสีขาวหรือสีเทาก็ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
และลักษณะของหมวกดอกอาจเป็นเนื้อเดียวกับก้านดอก ก้านดอก
เป็นส่วนที่ใช้ชูดอกขึ้นไปในอากาศ ก้านดอกค่อนข้างจะสั้น
และเจริญเข้าหาแสงสว่าง ครีบดอก มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆสีขาวหรือสีเทา
ที่บริเวณครีบดอกเป็นแหล่งสร้างสปอร์
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเห็ดนางรม
1.แสงสว่าง มีผลต่อการพัฒนาและเจริญเติบโตของดอกเห็ดมากเพราะแสงจะช่วยกระตุ้นในการรวมตัวของเส้น ใยและการพัฒนาเป็นดอกเห็ดที่สมบูรณ์ ถ้าได้รับแสงน้อยจะทำให้หมวกดอกมีขนาดเล็กลงและก้านดอกยาวขึ้นและถ้าแสงน้อยมากๆจะทำให้ดอกเห็ดมีลักษณะผิดปกติไปดังนั้นในการเพาะเห็ดนางรมควรให้เห็ดได้รับแสงอย่างน้อย 15-20 นาทีต่อวัน
2. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามปกติจะมีผลในการเร่งการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดนางรมแต่ในระยะที่เห็ดพัฒนาเป็นดอก
ถ้ามีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงก็จะทำให้ดอกเห็ดผิดปกติได้ดังนั้นควรทำให้โรงเรือนมีอากาศถ่ายเทได้บ้าง
3. ความชื้นของอากาศมีผลต่อการเจริญเติบโตของเห็ดนางรมอย่างมากโดยเฉพาะ ระยะเปิดดอกเห็ดนางรมต้องการความชื้นค่อนข้างสูงประมาณ 70-80 %จึงควรรดน้ำ 2-3 ครั้งต่อวัน
4. อุณหภูมิ อุณหภูมิมีผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของเห็ดนางรมอย่างมากเห็ดนางรมจะให้ผลผลิตสูงในช่วงอุณหภูมิ 24-33 องศาเซลเซียสจากการศึกษาพบว่าถ้าก้อนเชื้อได้ผ่านอุณหภูมิต่ำประมาณ 20 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 18-21 วัน ก่อนนำมาเปิดดอกที่อุณหภูมิ 26-30 องศาเซลเซียสจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้เป็นอย่างดี
การผลิตก้อนเชื้อเห็ดนางรม
ในการเพาะเห็ดนางรมในถุงพลาสติกนั้น ผู้ผลิตสามารถนำเอาวัสดุเหลือ ใช้ในท้องถิ่นมาใช้ในการเพาะเห็ดได้ เช่น
ฟางข้าวสับ ซังข้าวโพด ขี้เลื่อยไม้ยางพารา เป็นต้น โดยทั่วไปนิยมใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราเป็นวัสดุเพาะ เพราะสามารถหาได้ง่าย
สะดวกในการบรรจุ และสามารถนำมาใช้ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหมัก
สำหรับสูตรอาหารที่ใช้ในการเพาะเห็ดนางรมนั้นมีหลายสูตร คือ
สูตร 1 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 กิโลกรัม รำละเอียด 5 กิโลกรัม น้ำสะอาด 65-70 %
สูตร 2 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 กิโลกรัม รำละเอียด 3-5 กิโลกรัม แป้งข้าวเจ้าหรือน้ำตาลทราย 3-5 กิโลกรัม ดีเกลือ 0.5 กิโลกรัม น้ำสะอาด 65-70 %
สูตร 3 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 ส่วนโดยปริมาตร รำละเอียด 8 ส่วนโดยปริมาตร แป้งข้าวเจ้าหรือน้ำตาลทราย 2-3 ส่วนโดยปริมาตร กากถั่ว 2 ส่วนโดยปริมาตร หินปูน 2-3 ส่วนโดยปริมาตร น้ำสะอาด 70-75 %
หมายเหตุ
ในการเลือกใช้สูตรต่างๆนั้นต้องคำนึงถึงต้นทุนในการผลิตด้วย
การเพิ่มปริมาณของอาหารเสริมมากๆนั้น
ถึงแม้จะเป็นการเพิ่มผลผลิตก็ตาม
แต่โอกาสที่ก้อนเชื้อจะเสียหายหรือ
ถูกทำลายจากจุลินทรีย์ชนิดอื่นก็มีมากเช่นกัน
ขั้นตอนการเตรียมก้อนเชื้อ
1. นำส่วนผสมต่างๆมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. เติมน้ำลงไปผสม
ควรผสมให้ความชื้นกระจายให้ทั่วสม่ำเสมอ
ทดสอบให้ได้ความชื้นประมาณ
65-75 % โดยใช้มือกำส่วนผสมขึ้นมาแล้วบีบดู
ถ้ามีน้ำซึมออกมาแสดงว่าชื้นเกินไปให้เติมขี้เลื่อยลงไป
ถ้าไม่มีน้ำซึมออกมาให้แบมือออก
ส่วนผสมจะจับกันเป็นก้อนและแตกออก
2-3 ส่วนแสดงว่าใช้ได้
3. บรรจุใส่ถุงพลาสติกทนร้อนที่ใช้เพาะเห็ด
ถุงละประมาณ
8-10 ขีด
อัดให้แน่นพอประมาณใส่คอขวดพลาสติก
หุ้มด้วยสำลีและกระดาษ
4. นำไปนึ่งด้วยหม้อนึ่งลูกทุ่งที่อุณหภูมิ
100 องศาเซลเซียส
(น้ำเดือด
)นาน
3-4 ชั่วโมง
5. หลังจากนึ่งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วใส่เชื้อลงไป
นำก้อนเชื้อไปบ่มในที่มืดและอุณหภูมิสูงประมาณ
28-35 องศาเซลเซียส
เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของเส้นใย
เส้นใยเห็ดจะเจริญเต็มถุงประมาณ
3-4 สัปดาห์
6. เมื่อเส้นใยเดินเต็มถุงแล้วให้พักก้อนเชื้อระยะหนึ่ง
เพื่อให้เส้นใยสะสมอาหารและพร้อมจะ
เจริญเป็นดอกเห็ดแล้วนำไปเปิดดอกในโรงเรือนต่อไป
ดูรายละเอียด
การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก
การเปิดถุงก้อนเชื้อเห็ดนางรม
ทำได้
4 วิธี
คือ
1. การเปิดปากถุงโดยการม้วนปากถุงลง
โดยการดึงคอขวดออก
พร้อมกับม้วนปากถุงลงไปจนถึงก้อนเชื้อ
แล้วนำไปวางบนชั้นภายในโรงเรือน
ข้อเสียของการเปิดถุงโดยวิธีนี้คือ
โอกาสที่น้ำจะขังในถุงและทำให้ก้อนเชื้อเสียมีมาก
2. การเปิดปากถุงโดยใช้มีดปาดปากถุงบริเวณคอขวดออก
แล้วนำไปวางบนชั้นเพาะเห็ด
วิธีนี้มีข้อเสียคล้ายกับวิธีแรก
3. การกรีดปากถุงโดยใช้มีดคมๆ
กรีดข้างถุงเป็น
4 แนว
แล้วนำไปวางตั้งหรือแขวนในแนวตั้ง
ข้อเสีย
คือ
เปลืองเนื้อที่ในการวางก้อนเชื้อ
4. ดึงจุกสำลีออกแล้วนำก้อนเชื้อมาวางเรียงซ้อนกันภายในโรงเรือน
ให้เห็ดเจริญออกมาทางปากถุงทางเดียว
เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากเพราะประหยัดเนื้อที่ภายในโรงเรือนและน้ำไม่ขังในก้อนเชื้อ
ดูรายละเอียด
การเปิดดอกเห็ดนางรม-ฮังการี
ปัญหาที่พบในการเพาะเห็ดนางรม
1. เส้นใยไม่เดินลงถุงก้อนขี้เลื่อย
ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุ
คือ
-หัวเชื้อเห็ดเป็นเชื้ออ่อน
หรือเชื้อเห็ดนั้นผ่านการแต่งเชื้อมาหลายครั้งแล้ว
ทำให้เส้นใยอ่อนแอ
- หัวเชื้อเห็ดมีเชื้อจุลินทรีย์อื่นปลอมปน
และเจริญแข่งกับเส้นใยเห็ด
- วัสดุที่ใช้เพาะมีสารเคมีที่เป็น
อันตรายต่อเห็ดโดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อรา
ผู้เพาะควรเลือกวัสดุเพาะที่ปราศจาสารเคมีดังกล่าว
- สภาพความเป็นกรด
-ด่าง
(pH) ควรปรับให้อยู่ระหว่าง
6.5-6.8 จะช่วยให้เส้นใยเห็ดนางรมเจริญดีขึ้น
- ส่วนผสมมีความชื้นมากเกินไป
ทำให้เส้นใยเห็ดชะงักการเจริญเติบโต
ในขณะที่สภาพดังกล่าวจะเหมาะต่อการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย
2. เส้นใยเดินบางมาก
และเมื่อนำไปเพาะจะไม่ค่อยเกิดดอกหรือให้ผลผลิตน้อยมาก
อาจมีสาเหตุจาก
- วัสดุที่ใช้เพาะสลายตัวเกือบหมดแล้ว
ทำให้อาหารเหลืออยู่น้อย
ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเส้นใย
หรือใส่อาหารเสริมน้อยเกินไป
ดังนั้นจึงควรใส่อาหารเสริมในอัตราส่วนที่เหมาะสม
- การนึ่งฆ่าเชื้อไม่ดีพอ
ทำให้จุลินทรีย์อื่นๆเจริญเติบโตแข่งกับเห็ดได้
ดังนั้นการนึ่งก้อนเชื้อควรใช้เวลาอย่างน้อย
2-3 ชั่วโมง
นับจากน้ำเดือด
3. เส้นใยเห็ดเดินแล้วหยุด
อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ถุงก้อนเชื้อมีความชื้นมากเกินไป
ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญได้ดี
แล้วเชื้อเห็ดไม่สามารถเจริญเติบโตได้
- เชื้อเห็ดอ่อนแอ
เมื่อเจริญได้ระยะหนึ่งแล้วก็ชะงักการเจริญเติบโต
ดังนั้นควรเลือกเชื้อที่แข็งแรง
4. เห็ดออกดอกช้าหลังจากเปิดถุงแล้ว
อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ
ดังนี้
- เกิดจากการเปิดปากถุงเร็วเกินไป
หลังจากเส้นใยเดินเต็มแล้ว
ควรปล่อยให้เส้นใยรัดตัวและมีการสะสมอาหารก่อนเปิดถุงประมาณ
8-10 วัน
- การถ่ายเทอากาศในโรงเรือนไม่ดี
ทำให้มีการสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง
- อุณหภูมิภายในโรงเรือนสูงหรือต่ำเกินไปหรือความชื้นไม่เพียงพอทำให้การพัฒนาของเส้นใยไปเป็นดอกเห็ดช้า
5. ดอกเห็ดไม่พัฒนาเจริญเป็นดอกเห็ด ในการเพาะเห็ดบางครั้งมีดอกเห็ด เจริญเป็นดอกเล็กๆบนก้อนเชื้อเต็มไปหมด ดอกเห็ดพวกนี้มีขนาดเล็กและไม่เจริญ ต่อไปแต่ดอกเห็ดจะเหี่ยวและแห้งตายในที่สุด
เกิดจาก
- หัวเชื้อเห็ดอ่อนแอทำให้ดอกเห็ดไม่สมบูรณ์
-การเปิดปากถุงกว้างเกินไปทำให้เส้นใยเจริญไปเป็น ดอกเห็ดจำนวนมากและ อาหารภายในก้อนเชื้อไม่เพียงพอ ทำให้ดอกที่งอกออกมาแคระแกร็น และแห้งดังนั้นการเปิดปากถุงไม่ควรเปิดกว้างมากนัก
- ความชื้นไม่เพียงพอทำให้ดอกที่กำลังเติบโตแห้งได้
- รดน้ำมากเกินไป
และรดไม่ถูกวิธี
ทำให้น้ำขังในถุงพลาสติก
ทำให้เห็ดภายในถุงพลาสติกเน่าเสียได้
- เชื้อจุลินทรีย์เข้าทำลายก้อนเชื้อหลังเปิดถุง
เนื่องจากโรงเรือนสกปรก
- อาจมีแมลงเข้าไปกัดและทำลายก้อนเชื้อ
Credit : กองเกษตรสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์